น้องกรีน พิชชาวีร์ กิจประภาศิริ

สุดยอด ! คนเก่งของหงหล่าวซือที่พิชิตความสำเร็จกับการสอบวัดระดับ HSK ระดับ 5 ได้คะแนนสูงถึง 275 จากคะแนนเต็ม 300

จุดเริ่มต้นของการเรียนภาษาจีนของดิฉัน เริ่มตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย อาโกวของดิฉันได้จุดประกายด้วยการแนะนำโรงเรียนสอนภาษาจีนเพียรอักษร ของหงหล่าวซือ บอกแก่ดิฉันว่าอาจารย์เก่ง สอนดี รู้ลึกรู้จริง ให้ไปสมัครเรียน

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ดิฉันก็ได้ตัดสินใจสมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาลัยปรีดีพนมยงค์ (จีนศึกษา) การสมัครเรียนในคณะนี้นั้น ต้องการผลวัดระดับภาษาจีน ระดับ 4 เป็นอย่างต่ำ(HSK 4) หรือผลการสอบภาษาอังกฤษอื่นๆ เนื่องจากดิฉันเพิ่งเริ่มเรียนภาษาจีนได้ไม่นานกับหงหล่าวซือ จึงไม่ได้ไปสอบวัดระดับ เลยยื่นผลสอบ IELTS ไปแทน เมื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ดิฉันค่อนข้างมีความกังวล เพราะพื้นฐานภาษาจีนของดิฉันนั้นไม่สามารถเทียบเคียงเพื่อนๆ ในคณะที่เข้ามาเรียนด้วยการยื่นผลวัดระดับภาษาจีน ระดับ 4ได้ จึงถือเป็นความโชคดีของดิฉันที่ได้เรียนกับหงหล่าวซือ ซึ่งวางพื้นฐานการเรียนภาษาจีนอย่างเป็นระบบ ทั้งทางด้านการฟัง พูด อ่าน เขียนและแปล ที่ประทับใจดิฉันที่สุด คือการที่หงหล่าวซือให้คำศัพท์หลากหลาย และอธิบายเป็นภาษาไทยอย่างละเอียดให้ดิฉันเข้าใจได้ง่ายๆ ดิฉันจึงสามารถนำความรู้ที่ได้นี้ไปใช้กับการเรียนหลักสูตรจีนศึกษาของทางมหาวิทยาลัย

ตอนปี 1 ดิฉันค่อนข้างจะล้าหลังกว่าเพื่อนๆ แต่เมื่อผ่านไปช่วงหนึ่ง พัฒนาการทางด้านภาษาจีนของดิฉันจึงเริ่มเด่นชัดมากขึ้น ผลการเรียนของดิฉันก็ดีขึ้นตามลำดับ พอขึ้นปี 2 หลักสูตรของทางมหาวิทยาลัยก็เพิ่มความเข้มข้นอีกเป็นเท่าตัว การเรียนการสอน รวมไปถึงหนังสือที่ใช้ล้วนเป็นภาษาจีนทั้งสิ้น ต้องขอบคุณหงหล่าวซือที่ช่วยดิฉันในการเตรียมความพร้อม ให้ดิฉันสามารถเรียนได้อย่างไม่มีปัญหา โดยเฉพาะด้านการฟังและอ่าน ในขณะที่อาจารย์บรรยายเป็นภาษาจีน เพื่อนหลายๆ คนฟังไม่ออก แต่ดิฉันกลับสามารถฟังออกเกือบหมด นั่นเป็นเพราะหงหล่าวซือฝึกให้ดิฉันสามารถเดาศัพท์ที่ดิฉันไม่เคยเจอมาก่อนได้ โดยอิงตามรากศัพท์  เมื่อเข้าสู่ปี 2 เทอม 2 มีเพื่อนคนหนึ่งมาถามดิฉันว่า เรียนพิเศษภาษาจีนที่ไหน เพราะเห็นคะแนนของดิฉันอยู่ในเกณฑ์ที่ดีถึงดีมาก และถ้าเทียบกับตอนที่ดิฉันเพิ่งเข้าเรียนใหม่ๆ ในปี 1 ก็ถือว่าพัฒนาได้เร็วมาก ดิฉันจึงตอบเพื่อนไปอย่างภูมิใจ  จึงได้แนะนำให้เขาไปเรียนที่โรงเรียนสอนภาษาจีนเพียรอักษร ของหงหล่าวซือ

ก่อนที่จะปิดเทอมปี 2 ซึ่งในขณะนั้นดิฉันเรียนกับหงหล่าวซือได้ 3 ปีแล้ว ดิฉันจึงสมัครสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน HSK5  ดิฉันมีความรู้สึกไม่มั่นใจเป็นอย่างมากเนื่องจากมีความคิดว่าดิฉันมีความกล้ามากเกินไปหรือไม่ ที่ตัดสินใจสอบวัดระดับ 5 โดยไม่เคยสอบวัดระดับ 1 ถึง 4 มาก่อนเลย แต่ผลสอบที่ได้กลับเกินความคาดหมายเป็นอย่างมาก เพราะไม่เพียงแค่สอบผ่าน แต่ยังได้คะแนนที่น่าพอใจมากๆอีกด้วย ดิฉันทำคะแนนได้ 275 คะแนน (เต็ม 300 คะแนน) เพื่อนๆ หลายคนตกใจกับการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของดิฉันมาก พวกเขาเล่าให้ฟังว่า มีเพื่อนบางคนยื่น HSK ระดับ 4 เข้ามาเรียน แต่ผ่านไป 2 ปีเต็ม กลับไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร พวกเขายังสอบ HSK ระดับ 5 ไม่ผ่าน จากเรื่องนี้ทำให้ดิฉันรู้สึกโชคดีมากที่ได้เรียนกับหงหล่าวซือ

ปี 3 ของการเรียนที่มหาวิทยาลัย มีความท้าทายเพิ่มมาก นั่นคือวิชาภาษาจีนโบราณ (古文กู่เหวิน) แต่ละคาบที่เรียน ต้องท่องกลอนไม่ต่ำกว่า 2 ถึง 3 บท ยังไม่รวมถึงคำศัพท์ สำนวน และนิทานพื้นบ้านใหม่ๆ ที่ต้องจำอีก การสอบกลางภาคต้องอ่านหนังสือเกือบทั้งเล่ม ต้องท่องกลอนประมาณ 20 บท และต้องสามารถแปลจากภาษาจีนโบราณเป็นภาษาจีนปัจจุบันให้ได้ด้วย หลังจากที่ฟังแนวข้อสอบเสร็จ เพื่อนๆ ก็แทบจะร้องไห้กัน มีแต่ดิฉันคนเดียวที่รู้สึกแตกต่าง นั่นเป็นเพราะดิฉันได้เรียนกับหงหล่าวซือมาก่อนนั่นเอง

การที่ดิฉันได้เรียนกับหงหล่าวซือ สามารถแบ่งเบาภาระในช่วงอ่านเตรียมสอบวิชาภาษาจีนโบราณ (กู่เหวิน) นี้ไปได้เยอะ นั่นก็เพราะ จากกลอน 18 บท มีกว่าครึ่งที่หงหล่าวซือเคยสอนและพาท่องแล้ว กลอนบางบทที่เรียนไปแล้วตั้งแต่ปี 1 (กับหงหล่าวซือ) เลยทำให้ลืมเลือนไปบ้าง แต่ขอเพียงทวนไม่นานก็สามารถกลับมาท่องได้คล่องเช่นเดิม ต่างจากเพื่อนๆคนอื่นที่ไม่เคยท่องมาก่อน แล้วต้องเริ่มท่องใหม่ทั้งหมด ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะภาษาจีนโบราณ (กู่เหวิน) ไม่ได้อยู่แต่ในรูปแบบของกลอนและสำนวนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงนิทานพื้นบ้านของจีนอีกด้วย ซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งที่ดิฉันรู้สึกว่าสามารถนำเอาความรู้ที่หงหล่าวซือให้มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด นั่นเป็นเพราะว่า คำศัพท์ที่หงหล่าวซือให้มาตั้งแต่ปี 1 ล้วนผสมไปด้วยภาษาจีนโบราณไม่มากก็น้อย  ดิฉันรู้สึกดีใจและภูมิใจเป็นอย่างมากเมื่อดิฉันได้ ” คะแนนเต็ม ” สำหรับข้อสอบกลางภาค และเกือบเต็มสำหรับข้อสอบปลายภาค

ทุกครั้งที่หงหล่าวซือจะขึ้นคำศัพท์ใหม่ก็จะอธิบายรากศัพท์ไปด้วย ซึ่งเป็นเทคนิคที่ดิฉันรู้สึกว่าใช้ได้จริง เพราะมันจะง่ายขึ้นมากกับการต่อยอดเองเวลาที่ไม่มีอาจารย์คอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ยกตัวอย่างเช่น ทุกครั้งที่เจอศัพท์ใหม่ ดิฉันก็จะติดนิสัยในการ ไม่เพียงแต่หาความหมายของศัพท์คำนั้นๆ ยังรวมไปถึงการที่จะต้องเจาะลึกให้รู้ถึงรากเลยว่า ตัวอักษรจีนหนึ่งตัวที่เกิดจากการรวมกันของตัวอักษรจีน 2-3 ตัวนั้น ตัวอักษรจีนทางด้านซ้ายมีความหมายว่าอย่างไร และตัวอักษรจีนทางด้านขวามีความหมายว่าอย่างไร เรื่องนี้จะมีประโยชน์อย่างมากในขณะที่ไม่มีพจนานุกรม เพราะเรามีอาวุธในการคาดเดาอย่างมีหลักการที่ถูกฝึกมาอย่างดีจากหงหล่าวซือ ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว การคาดเดานี้ ถึงจะไม่ได้แม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็สามารถทำให้เข้าใจเนื้อหาโดยรวมได้ และไม่เป็นอุปสรรคต่อการตอบคำถามในข้อสอบ

ทั้งหมดนี้ ต้องขอขอบพระคุณหงหล่าวซือที่ให้ความรู้ เทคนิคต่างๆ มากมาย ดิฉันมีความตั้งใจที่จะเรียนต่อจนจบหลักสูตร นอกจากนี้ยังขอขอบพระคุณอาโกวที่แนะนำให้เริ่มต้นเรียนภาษาจีน ทั้งยังเป็นผู้สนับสนุนหลักในการเรียนภาษาจีนอย่างต่อเนื่อง ท้ายที่สุด ขอขอบพระคุณครอบครัวของดิฉันที่คอยเป็นกำลังใจให้เสมอมา

รีวิวที่คุณอาจสนใจ