“เมื่อนักเรียนที่ถูกต้องได้พบหล่าวซือ(หงหล่าวซือ)ที่ถูกต้อง
การเรียนภาษาจีนที่คิดว่ายากก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป”
จุดเริ่มต้นของ “หงหล่าวซือ” ได้ก่อเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1993
หงหล่าวซือรู้ว่าตัวเองมีความรู้ด้านภาษาจีนดีมาก อีกทั้งยังมีความรู้ด้านภาษาไทยเป็นอย่างดีอีกด้วย สามารถใช้ทั้งสองภาษานี้ในการพูด เขียน อ่าน แปล และการประพันธ์ได้อย่างชำนาญการ ด้วยความเป็นนักภาษาศาสตร์ที่จบอักษรศาสตร์มา อีกทั้งมีความรักชอบทางด้านภาษาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
จึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะถ่ายทอดความรู้ที่สั่งสมมาด้วยความพากเพียรให้กับนักเรียนที่ต้องการเรียนภาษาจีน ด้วยการไปเป็นครูสอนภาษาจีน แต่ด้วยความรู้ ความสามารถ ความตั้งใจและความรักชอบในการสอน ทำให้หงหล่าวซือไม่เพียงแต่เป็นครูสอนภาษาจีนเท่านั้น ยังได้รับมอบหมายหน้าที่ให้เป็นหัวหน้าฝ่ายวิชาการด้วย นอกจากงานสอนปกติแล้ว หงหล่าวซือยังต้องแต่งตำรา เขียนหลักสูตร รับสมัครครู คัดครู และอบรมครูที่มาสมัครในสถาบันให้เป็นครูสอนภาษาจีนที่สอนอย่างถูกหลักอีกด้วย
จากการที่ได้ทำงานจริง จึงได้ทราบถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงการการเรียนการสอนภาษาจีน และตระหนักดีว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสอนนักเรียนให้เก่งในภาษาจีนได้ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่จำกัดของสถาบัน เพราะหงหล่าวซือไม่มีอำนาจมากพอที่จะเข้าไปควบคุม และจัดการกับหลายๆ ส่วนของทางสถาบันได้ จึงตัดสินใจลาออกจากทุกสถาบันที่รับผิดชอบเป็นครูและหัวหน้าฝ่ายวิชาการอยู่
ในตอนนั้น เมื่อนักเรียนหลายคนทราบข่าวการลาออกของหงหล่าวซือ ก็อยากเชิญหล่าวซือไปสอนที่บ้าน บ้างก็จะจัดหาสถานที่แล้วเชิญหล่าวซือไปสอนเฉพาะกลุ่มของพวกเขา บ้างก็ขอมาเรียนที่บ้านหล่าวซือ เพราะนักเรียนต้องการที่จะเรียนกับหล่าวซือจริงๆ ยิ่งเมื่อได้เปรียบเทียบคุณภาพการสอนและความทุ่มเทของหงหล่าวซือกับครูต่างๆ ที่ทางสถาบันเก่าหามาแทนหงหล่าวซือ ก็ยิ่งเห็นถึงความแตกต่างอย่างเด่นชัด จึงรวมตัวกันมาแสดงความตั้งใจที่อยากเรียนต่อกับหงหล่าวซือ จนหงหล่าวซือไม่อาจปฏิเสธที่จะเปิดสอนพวกเขาที่บ้านได้
สอนตั้งแต่อักษรตัวแรกกระทั่งนักเรียนเก่ง จนสามารถไปเป็นครูสอนภาษาจีนได้ บ้างก็ไปเป็นล่ามไทย-จีนได้ บางคนเรียนตั้งแต่เป็นพนักงานประจำ จนลาออกมาทำธุรกิจเอง และสามารถใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนกับหงหล่าวซือไปทำธุรกิจกับชาวจีนอย่างประสบความสำเร็จ บางท่านก็เรียนตั้งแต่ยังต้องจ้างล่าม จนมีความรู้ภาษาจีนที่แก่กล้า สามารถเจรจาติดต่อกับชาวจีนเองได้…… ความสำเร็จที่เกิดจากการสอนลูกศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่าให้เก่งในภาษาจีน จึงบังเกิดเป็นความสุข ความภาคภูมิใจ ความปลาบปลื้มที่ไม่อาจประเมินค่าด้วยสมบัติใดๆ ในโลกนี้ได้ในหัวใจของครูที่ทุ่มเทและรักลูกศิษย์อย่างหงหล่าวซือ
หงหล่าวซือมักจะเปรียบตัวเองเป็นชาวสวนที่รักการเพาะปลูก เมื่อหว่านเมล็ดพันธุ์ลงไป ก็เฝ้ารดน้ำ พรวนดิน เอื้อสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดแก่ต้นกล้าที่เริ่มแตกใบอ่อน เฝ้าดูพัฒนาการของพืชพันธุ์ด้วยความเอาใจใส่ ช่วยขจัดวัชพืชและศัตรูต่างๆ ที่จะเป็นภัยต่อต้นพืช จนค่อยๆ ผลิดอกออกผล นั่นคือความสุข ความภาคภูมิใจสูงสุดของครูอย่างหงหล่าวซือ ความตั้งใจและทุ่มเทเอาใจใส่ของหงหล่าวซือเป็นที่ยอมรับของลูกศิษย์ทุกคน ดังนั้น ข่าวที่หงหล่าวซือสอนดีสอนเก่งจึงถูกบอกต่อกันไป จนนักเรียนมาเรียนกันอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจากที่ไกลหรือแม้แต่ต่างจังหวัดก็มี
เรื่องการเปิดโรงเรียนสอนภาษาจีน หล่าวซือก็ปฏิเสธทุกครั้งไป
จนกระทั่งมีนักเรียนท่านหนึ่งบอกว่า “หล่าวซือรู้ไหมว่า คนข้างนอกที่อยากเป็นภาษาจีนที่รอคอยโอกาสที่จะได้เจอครูดีๆ อย่างหล่าวซือยังมีอีกเยอะ คนเหล่านั้น เสียเวลา เสียเงิน เสียความรู้สึก และผิดหวังจากสถาบันสอนภาษาจีนแห่งแล้วแห่งเล่า แต่ก็เรียนภาษาจีนไม่สำเร็จสักที จนเลิกล้มความตั้งใจที่จะเรียนภาษานี้ไปก็มากมาย หล่าวซือน่าจะเปิดโอกาสให้คนข้างนอกได้มีโอกาสรู้จักหล่าวซือบ้าง หล่าวซือไม่ใช่แค่เก่งนะ หล่าวซือยังเป็นอัจฉริยะทีเดียว” คำพูดจากใจเหล่านี้ที่นักเรียนต่างพร่ำบอกหล่าวซือเป็นปีๆ ในที่สุดก็ทำให้หล่าวซือเกิดความตั้งใจที่จะแบ่งปันโอกาสการศึกษาภาษาจีนให้คนกลุ่มอื่นๆ ในสังคม ที่ไม่ใช่แค่กลุ่มเพื่อน กลุ่มญาติของลูกศิษย์ ประกอบกับที่บ้านมีที่จอดรถไม่เพียงพอ และที่เรียนเริ่มคับแคบลง เนื่องด้วยนักเรียนที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้หงหล่าวซือตัดสินใจเปิดโรงเรียนสอนภาษาจีนเพียรอักษรขึ้นมาอย่างเป็นทางการ
โรงเรียนสอนภาษาจีนเพียรอักษรเป็นโรงเรียนในความควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการ ก่อตั้งขึ้นอย่างถูกต้อง โดยมีความตั้งใจ ความเอาใจใส่ในคุณภาพการสอนของหงหล่าวซือเป็นเสาหลัก หงหล่าวซือดูแลหลักสูตรต่างๆ ที่เหมาะสมกับนักเรียนในแต่ละช่วงอายุด้วยตัวเอง วางแผนอนาคตการศึกษาภาษาจีนให้นักเรียนทุกท่านด้วยประสบการณ์และความเอาใจใส่ จึงสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆที่เคยพบเจอในอดีตตามสถาบันการสอนภาษาจีนทั่วๆ ไปได้ ทางโรงเรียนสอนภาษาจีนเพียรอักษรจึงมั่นใจในสโลแกนที่ว่า
การเรียนภาษาจีนที่คิดว่ายากก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป”